บอกได้เลยว่า Redmi กับ realme นั้นเริ่มมีชื่อเสียงออกมาพร้อมๆกัน ขึ้นชื่อด้านความคุ้มค่ากันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างมีทีเด็ดเป็นของตัวเอง แถมรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวมาของทั้งคู่อย่าง Redmi Note 10 Pro และ realme 8 Pro เอง ต่างก็มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทั้งคู่ แต่ก็ยังไม่ได้รองรับ 5G ทั้งคู่เช่นกัน ไปดูการเปรียบเทียบสเปคกันได้เลยครับ
*การเปรียบเทียบกันครั้งนี้ เป็นเพียงการเทียบกันโดยเลขสเปคเท่านั้น ยังไม่ได้พูดถึงการใช้งานจริงแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยว่าจะชอบรุ่นไหน ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

Redmi Note 10 Pro
realme 8 Pro
หน้าจอ
- ชนิดจอ : Super AMOLED
- ขนาด : 6.67 นิ้ว
- ความละเอียด : FHD+
- ค่า Refresh Rate 120Hz
- ค่า Touch Sampling 240Hz
- ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1200 nits
- รองรับ HDR10
- มาตรฐานสีหน้าจอ DCI-P3
- ชนิดจอ : Super AMOLED
- ขนาด : 6.4 นิ้ว
- ความละเอียด : FHD+
- ค่า Refresh Rate 60Hz (ปกติ)
- ค่า Touch Sampling Rate 180Hz
- ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1000 nits
- รองรับ Always-on display
ด้านหน้าจอถือว่าให้มาดีทั้งคู่ แต่ Redmi Note 10 Pro จะเจ๋งกว่าตรงที่ให้ค่า Refresh Rate สูง 120Hz มาด้วย ค่า Touch Sampling ที่มากกว่า ความสว่างหน้าจอสูงสุดที่มากกว่า อถมยังรองรับ HDR10 ด้วย ส่วน realme 8 Pro มีการเพิ่มฟีเจอร์ Always-on display ที่ Redmi Note 10 Pro ไม่มี
ถ้าพูดถึงการพัฒนามาจากรุ่นก่อนหน้าของทั้ง 2 ตัว บอกได้เลยว่า Redmi Note 10 Pro มาไกลมากจริงๆ
ชิปเซตและหน่วยความจำ
- CPU : Qualcomm Snapdragon 732G (8 nm)
- GPU : Adreno 618
- RAM : 8GB LPDDR4X
- ROM : 128GB UFS2.2
- รองรับ microSD Card
- CPU : Qualcomm Snapdragon 720G (8 nm)
- GPU : Adreno 618
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB UFS2.1
- รองรับ microSD Card
ทางด้านของชิปเซตจริงๆมีความแตกต่างกันไม่มากนักแต่ทาง Note 10 Pro ก็ยังให้มาเหนือกว่าเล็กน้อย ด้วยชิปเซต Snapdragon 732G ซึ่งไม่ได้รองรับ 5G นะครับ RAM และ ROM ให้มาเท่ากันที่ 8GB+128GB รองรับ microSD Card ทั้งคู่ ถ้าถามตัวผู้เขียนว่าพอใจกับชิปเซต 2 ตัวนี้มั้ย บอกได้เลยครับว่าไม่โอเค อาจด้วยความคาดหวัที่อยากเห็น 2 รุ่นนี้ เข้ามาห้ำหั่นกันด้วยชิปเซต 5G มากกว่า กลายเป็นว่าพอมาเห็นชิปเซตรุ่นเก่า ที่เคยใช้ในรุ่นอื่นแล้ว เลยทำให้มือถือที่น่าจะเป็นไฮไลท์ของราคาไม่เกินหมื่น ลดความน่าสนใจลงไปพอสมควร
โดยเฉพาะ realme 8 Pro ที่ใช้ชิปเซตตัวเดียวกับรุ่นเก่าอย่าง realme 7 Pro เป๊ะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
กล้อง
กล้องหลัง
- 108MP (Main) f/1.9 เซนเซอร์ Samsun HM2
- 8MP (Ultra Wide) f/2.2
- 5MP (Macro) f/2.4
- 2MP (Depth) f/2.4
- ถ่ายวิดีโอ 4K@30fps, 1080p@30/60/120fps, 720p@960fps
กล้องหลัง
- 108MP Main f/1.9 เซนเซอร์ Samsung HM2
- 8MP Ultra Wide f/2.3
- 2MP Macro f/2.4
- 2MP Portrait f/2.4
- ถ่ายวิดีโอ 4K@30fps, 1080p@30/60/120/480fps, 720p@960fps, gyro-EIS
กล้องหน้า
- 16MP (Main) f/2.5
- ถ่ายวิดีโอ 1080p@30fps
กล้องหน้า
- 16MP Main (f/2.5)
- ถ่ายวิดีโอ 1080p@30/120fps, gyro-EIS
การมาถึงของกล้อง 108MP ในราคาไม่ถึงหมื่นของทั้งคู่ถือว่าน่าสนใจมาก โดยไม่มีใครยอมใครเลย เลขสเปคความละเอียดกล้องแทบจะเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องการกันสั่น realme 8 Pro จะให้มาดีกว่า ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ซึ่งเป็นกันสั่นแบบ gyro-EIS
ส่วนเรื่องฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็จัดเต็มมาทั้งคู่ แต่ realme 8 Pro ชูออกมาได้ค่อนข้างเด่นกว่า อาทิ Starry Mode เข้ามาด้วยโดยจะเอาไว้ถ่ายท้องฟ้าและดวงดาวยามค่ำคืนแบบ Time-lapse ได้ด้วย ซึ่งเป็นมือถือเครื่องแรกของโลก ที่จะได้ใช้ Starry Time-lapse แถมยังทำงานควบคู่กับระบบกันสั่น Tilt-Shift ทำให้วิดีโอ Time-lapse ของคุณ ออกมาได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
แบตเตอรี่
- ความจุ 5,020 mAh
- ชาร์จเร็ว 33W
- ความจุ 4,500 mAh
- ชาร์จเร็ว 50W
ตัวผู้เขียนบอกอยู่เสมอว่า Redmi มักจะช้ากว่า realme อยู่ก้าวหนึ่งเสมอ เมื่อมาถึงเรื่องชาร์จเร็ว ซึ่งก็ยังเป็นเช่นเดิม realme ให้ชาร์จเร็วมามากกว่าที่ 50W ส่วนความจุแบตเตอรี่พอๆกัน แต่ Redmi ก็ยังให้มามากกว่าที่ 5,020 mAh
ราคา
- 8+128GB ราคา 8,999 บาท
- 8+128GB ราคาประมาณ 8,500 บาท
- ราคาเปิดตัวที่อินเดีย
ในส่วนของราคาตรงนี้ยังเปรียบเทียบกันไม่ได้มาก เพราะตัวนึงเปิดตัวในไทยแล้ว แต่อีกตัวเป็นราคาของต่างประเทศซึ่ง ถ้าให้คาดการณ์ราคาคร่าวๆ คาดว่า realme 8 Pro จะมีราคาที่สูงกว่า Redmi Note 8 Pro อยู่เล็กน้อย ไม่ถึงหลักพัน (ความคิดเห็นห่วนตัว)

มือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยราคาและสเปคที่คุ้มค่าจริง ลองคิดดูว่าถ้าเกิดตอนนี้ยังไม่มีคลื่น 5G เข้ามา 2 ตัวนี้จะเป็นตัวที่คุ้มค่า และน่าจับจองเป็นเจ้าของอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่เมื่อปัจจุบันมีชิปเซต 5G เข้ามาแล้ว และค่อยๆกลืนกินตลาดเข้ามาเรื่อยๆ มันถึงเวลาแล้วรึยัง ที่ 2 รุ่นนี้ จะเปลี่ยนมาใช้ชิปเซตรองรับ 5G สักที